แม้ว่าแสงแดดจะเป็นแหล่งวิตามินดีที่เราสามารถหาได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ เพียงแค่ยืนรับแดดอ่อนๆตอนเช้าประมาณ 15 นาที ร่างกายก็จะซึมซับวิตามินดีซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ที่ช่วยให้กระดูก ฟัน เล็บ ผม แข็งแรง แต่ถ้าหากได้รับแสงแดดในปริมาณเกินที่ร่างกายต้องการก็จะเกิดโทษได้ เนื่องจากสิ่งที่มาพร้อมกับแสงแดดก็คือ รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (UV) ที่มีทั้งยูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) ที่ก่อให้เกิดความหมองคล้ำ กระ ฝ้า รอยเหี่ยวย่น ผิวดูแก่ก่อนวัย และมะเร็งผิวหนังได้
ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากประเทศไทยมีแสงแดดแรงมาก อีกทั้งแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หลอดไฟ ล้วนมีอันตรายที่แอบแฝงทั้งสิ้น ทำให้ผู้คนหันมาสนใจในการใช้ครีมกันแดดกันมากขึ้น ส่งผลต่อยอดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดสูงขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อครีมกันแดดเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ก็ย่อมทำให้มีผู้สนใจอยากทําแบรนด์ครีมกันแดดขายกันเพิ่มขึ้นด้วย แต่ก่อนจะทำแบรนด์ครีมกันแดดขายนั้นจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนเพื่อเตรียมความพร้อม แต่ก่อนอื่นเรามาดูก่อนว่า ทำไมการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดขายจึงน่าสนใจ?
1.เพราะสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นเขตเมืองร้อนและร้อนมาก แสงแดดที่แผดเผาลงมาล้วนแฝงไปด้วยรังสีอันตราย ทั้งรังสี UVA รังสี UVB ที่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปทำร้ายชั้นผิวของเราได้ไม่ว่าเราจะอยู่กลางแจ้งหรือหลบในที่ร่มก็ตาม นอกจากสร้างรอยแผลไหม้เกรียมให้กับผิวได้แล้ว รังสี UV ยังเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย จึงต้องมีตัวช่วยในการป้องกันความรุนแรงจากรังสีอันตรายเหล่านั้นด้วยการใช้ครีมกันแดดนั่นเอง
2.ตลาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเติบโตขึ้น ครีมกันแดดก็จัดอยู่ในวงการตลาดเครื่องสำอางและเวชภัณฑ์ ยิ่งปัจจุบันมีการปรับสูตรและผลิตครีมกันแดดออกมาในรูปแบบเครื่องสำอางผสมสารกันแดด หรือครีมกันแดดที่ใช้เป็นเครื่องสำอางได้ด้วยกันออกมาจำหน่ายและได้รับการยอมรับจนมียอดขายที่สูงขึ้นทุกปี ส่งผลให้การตลาดครีมกันแดดเติบโตขึ้นแทบไม่แพ้เครื่องสำอางทั่วไป
3.การคิดค้นและปรับสูตรกันแดดเพื่อให้เหมาะกับผิวคนไทยและใช้ในประเทศไทยย่อมดีกว่าสูตรของแบรนด์นอก เพราะประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนชื้นและมีรังสียูวีเข้มข้น ดังนั้นแบรนด์กันแดดที่คิดค้นและปรับสูตรจากคนไทยตอบโจทย์กับการใช้งานของคนไทยได้ดีกว่าแบรนด์ที่มาจากต่างประเทศ และแม้ว่าส่วนใหญ่แบรนด์ครีมกันแดดจะถูกนำเข้าจากต่างประเทศและยังคงมีทีท่าว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันตลาดก็ทำการเปิดรับแบรนด์ไทยมากขึ้น หากสินค้ามีคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และแบรนด์ไทยยังคงสามารถเติบโตได้อีกหากผู้ผลิตและนักธุรกิจผู้สร้างแบรนด์ใส่ใจและเน้นให้สินค้ามีคุณภาพและตรงกับโจทย์ผู้บริโภคอย่างสูงสุด
ขั้นตอนก่อนทำการสร้างแบรนด์ครีมกันแดดขาย
การวางแผน
เพราะการทำธุรกิจทุกชนิดต้องมีการวางแผนก่อนดำเนินการ ธุรกิจทําครีมกันแดดขายก็เช่นกันที่ต้องมีการวางแผนภาพรวมในธุรกิจ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญข้อแรกๆ เพราะหลักการวางแผนมีความจำเป็นต่อทุกธุรกิจ เพื่อให้เห็นถึงภาพรวมและองค์ประกอบได้ชัดเจน โดยเริ่มจากการหาไอเดีย หาประเภทสินค้าที่สนใจ จากความชอบส่วนตัวหรือคุณอาจรู้จักเป็นอย่างดี เพราะคุณจะเข้าใจในตัวสินค้า มีประสบการณ์ตรง มั่นใจในการนำเสนอขาย และกลุ่มลูกค้าที่จะขายเป็นใคร เพศและวัยลูกค้าที่สอดคล้องกับสินค้า แต่ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่มีประสบการณ์ บริษัท ไอยู คอสเมด กรุ๊ป ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำกับผู้ที่สนใจในการทำแบรนด์ครีมกันแดด
ศึกษาข้อมูลและสำรวจการตลาด
เมื่อแน่ใจแล้วว่าต้องการทำแบรนด์ครีมกันแดด ทำการศึกษาข้อมูลประเภทและคุณสมบัติของครีมกันแดดที่ควรมี และสำรวจว่าในท้องตลาดปัจจุบันมีครีมกันแดดแบบไหนขายอยู่บ้าง ประเภทการใช้งาน ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ กระแสนิยม และความต้องการของตลาด เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาใช้ในการสร้างแบรนด์ในสเต็ปต่อไป และด้วยในตลาดครีมกันแดดที่ใช้กันทั่วไปก็จะแบ่งออกเป็นกลุ่มหลักๆคือ Chemical และ Physical
- ครีมกันแดดแบบ Chemical จะดูดซึมรังสียูวีเข้าสู่ครีมเพื่อไม่ให้หลุดเข้าไปทำอันตรายกับผิวหนังได้ ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานของครีมจะขึ้นอยู่กับส่วนผสมของสารกันแสงแดด เช่น PABA และ Cinnamate ที่จะดูดซึมรังสี UVB เท่านั้น ในขณะที่สาร Dibenzoylmethane ดูดซึมเฉพาะ UVA แต่ Benzophenone สามารถดูดซึมได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งจุดเด่นหลักๆของครีมกันแดดประเภทนี้มีเนื้อที่บางเบาไม่เหนอะหนะและมีความโปร่งแสง อีกทั้งดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทำให้ทาแล้วกลมกลืนกับผิว ไม่เป็นรอยหรือคราบขาว จะเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันที่อาจไม่ได้โดนแดดตลอดวัน หรือทำงานในที่ร่มเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องการทาเพียงเพื่อป้องกันแสงยูวีระหว่างวัน หรือแสงที่ไม่มากเท่าแสงดวงอาทิตย์ อย่างแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แสงจากหลอดไฟ และด้วยครีมประเภท Chemical จะมีข้อจำกัดก็คือต้องทาก่อนออกแดดประมาณ 15-20 นาที และต้องทาซ้ำอยู่บ่อยๆ หรือต้องทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง จึงอาจไม่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งตลอดวัน และเนื่องจากมักจะมีค่า SPF สูง จึงต้องระมัดระวังในการใช้ครีมกันแดดประเภท Chemical สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้สารเคมีง่าย รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาผิวหนังและผู้ที่มีมีไขมันบนผิวหนังมาก เพราะจะเกิดการสะสมจนทำให้รูขุมขนอุดตันได้
- ครีมกันแดดแบบ Physical ครีมกันแดดที่ไม่ได้กักเก็บรังสียูวีแต่จะสะท้อนออกไปไม่ให้ทำร้ายผิวหนัง เป็นกันแดดที่มีความปลอดภัยต่อผู้ที่แพ้สารเคมีง่ายหรือผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง เพราะมีสารผสมเพียง 2 ชนิดคือ Titanium dioxide และ Zinc oxide ที่เป็นสารชนิดเดียวกันกับสารที่นำไปประกอบใช้ในการทำผ้าอ้อมเด็กที่จะต้องเน้นความปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิวหนัง และสารทั้ง 2 ชนิดนี้ยังช่วยให้สารกันแดดมีความคงทนต่อการป้องกันรังสียูวี ทำให้มีประสิทธิภาพค่อนข้างทนกว่ากันแดดแบบ Chemical จึงเหมาะกับการใช้ในกิจกรรมกลางแจ้งได้ตลอดวัน และสามารถทาแล้วออกแดดได้เลยโดยไม่ต้องรอ แต่ครีมกันแดดแบบ Physical จะมีเนื้อที่หนาและค่อนข้างจะเหนอะหนะ ไม่โปร่งแสงทำให้ทาแล้วไม่กลืนกับสีผิว โดยเฉพาะกับผิวคนเอเชียที่ทาแล้วอาจจะเห็นร่องคราบขาว เนื่องจากเนื้อครีมมีสีขาว หากทาในปริมาณที่มากก็จะให้ดูขาววอกกว่าสีผิวจริง
เมื่อรู้จักประเภทครีมกันแดดที่มีจำหน่ายและนิยมใช้กันในท้องตลาดทั่วไปแล้ว ทีนี้ก็ต้องมาทำการพิจารณาว่าต้องการเจาะกลุ่มตลาดครีมกันแดดชนิดใดมากกว่ากัน หรือหากยังไม่แน่ใจว่าจะทำแบรนด์ครีมกันแดดประเภทไหนดี หรือต้องการจะทำแบรนด์ที่เป็นสูตรผสม Chemical + Physical ได้เป็นสูตร Hibrid Sunscreen สารกันแดดลูกผสมที่เป็นการนำจุดเด่นของกันแดดทั้ง 2 ประเภทมารวมกัน ซึ่งเป็นอีกสูตรที่ บริษัท ไอยู คอสเมด กรุ๊ป ได้ทำการปรับสูตรเพื่อให้ได้สูตรที่ดีที่สุด เกลี่ยง่าย กลืนกับสีผิว ไม่วอก ไม่เหนอะหนะ แลดูเป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัยสูงกับทุกสภาพผิว ปกป้องผิวได้ครอบคลุมกว่าทั้งจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างยาวนาน
ตัวอย่างครีมกันแดดที่ ไอยู คอสเมด กรุ๊ป รับผลิตทำแบรนด์

กันแดดหน้าเนียน ให้การปกปิดและปกป้องผิว ด้วยเทคโนโลยีเนื้อครีมแตกตัวเป็นน้ำแร่ บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมเข้าสู่ผิวทันทีที่ทา ทำให้ไม่เหนอะหนะ ไม่ทำให้ผิวมันระหว่างวัน ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA , UVB และ IR พร้อมส่วนผสม HYALURONIC ACID ที่กักเก็บน้ำจึงให้ความชุ่มชื้น ปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำในระหว่างวัน และยังช่วยปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
CC Cream ผสมสารกันแดด SPF 30 PA+++ ปกป้องผิวจากแสงแดดและแสงไฟในอาคาร ช่วยปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำและปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส ให้ผิวดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ มีส่วนผสมของสารสกัดไวน์ขาว ช่วยรักษาสิว ลดรอยเหี่ยวย่น ดูดซับแสงยูวี และนตกรรมการห่อหุ้ม CERAMDE และ PANTINOL ที่ให้ความชุ่มชื้น ป้องกันการระคายเคืองและการอักเสบของผิว

กันแดดน้ำนม เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมซาบไว ไม่ทิ้งคราบขาว ปกป้องผิวหน้าจากรังสี รังสี UVA และ UVB ป้องกันการระคายเคืองจากแสงแดด และมลภาวะ ให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ แข็งแรง เติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสารสกัดจากนมฮอกไกโด เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

ครีมกันแดดเนื้อเซรั่ม บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ปกป้องผิวจากรังสี UVA , UVB และรังสีอินฟราเรดจากแสงแดด ให้ความชุ่มชื้นทันทีหลังใช้ เหมาะกับผิวผสม – ผิวแห้ง พร้องบำรุงผิวจากสารสกัดชะเอมเทศที่ช่วยปลอบประโลม ผิว และทำให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

กันแดดผสมรองพื้น เนื้อใยไหม สัมผัสบางเบา นุ่ม ลื่น เกลี่ยง่าย ปกปิดผิวได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ ป้องกันผิวจากแสงรังสี UVA , UVB และรังสีอินฟราเรดจากแสงแดด พร้อมปรับสีผิว เหมาะกับสภาพผิวมัน-ผิวผสม
จัดสรรงบประมาณ
ทำบัญชีว่ามีงบในการลงทุนเท่าไร เพื่อที่จะกำหนดค่าใช้จ่ายในการจ้างผลิตครีม ค่าทำการ ตลาด ค่าจดทะเบียนสินค้า ค่าเบ็ดเตล็ด อีกทั้งยังต้องมีการเงินสำรองเผื่อในกรณีฉุกเฉิน เพราะการสร้างแบรนด์ต้องลงทุนจึงต้องควบคุมทุกขั้นตอนให้อยู่ภายใต้งบประมาณที่มี เพื่อไม่ให้บานปลายและส่งผลต่อธุรกิจในอนาคต และการวางแผนการเงินที่ดีจะทำให้สโคปได้ชัดเจนและสรุปได้ง่ายเมื่อเข้าทำการปรึกษากับทีมงานของโรงงานรับทําแบรนด์ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเข้าสู่วงการทำธุรกิจแบรนด์ตัวเองมือใหม่ จะต้องจัดสรรงบประมาณไว้ 3 ส่วน
- งบประมาณสินค้า ที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบต่างๆ กระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ และเกรดของสารประกอบ สำหรับผู้ที่มีความพร้อมในเรื่องของทุนมักจะเลือกการผลิตในแต่ละล็อตแบบจัดเต็ม ทั้งวัตถุดิบเกรดพรีเมียม วัสดุแพ็กเกจจิ้ง กล่องสำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ที่อาจดูสวยหรู รวมๆแล้วจะใช้เงินทุนอยู่ที่ประมาณหลักแสนขึ้นไป แต่สำหรับนักธุรกิจมือใหม่อาจเริ่มต้นจากการสั่งในจำนวนขั้นต่ำของโรงงานที่รับผลิตครีมเพื่อทำการลองตลาดดูก่อน และตัดส่วนที่ยังไม่จำเป็นออกไปอย่างเช่นกล่องห่อหุ้มหลอดครีมอีกชั้น ก็จะใช้ทุนประมาณหลักพันถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับสารสกัดที่เลือกและรูปแบบบรรจุภัณฑ์
- งบประมาณทำการตลาด ซึ่งจะต้องจัดเตรียมไว้ถึง 2-3 เท่าของทุนทั้งหมดและแน่นอนว่าต้องมากกว่าเงินทุนที่จ่ายในส่วนค่าผลิต เนื่องจากการแข่งขันในตลาดเครื่องสำอางสูงมาก จึงต้องเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ให้พร้อม ทั้งในเรื่องของการถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ ค่าโฆษณา ทั้งสื่อออนไลน์อย่าง google , facebook , instargram , tiktok และการโฆษณาออฟไลน์อย่างการออกบูธ เพราะต่อให้สินค้าดีแต่แรงโฆษณาไม่ถึง สินค้าไม่เป็นที่รู้จัก สินค้าก็ขายไม่ได้ และจบลงที่ขาดทุน
- งบค่าดำเนินการ เป็นค่าดำเนินการต่างๆ ตั้งแต่ค่าจดทะเบียนสินค้า ค่าขนส่ง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าพนักงาน รวมไปถึงค่าตัวเราเอง เพราะเราก็เป็นคนทำงานคนหนึ่งจึงต้องมีค่าตอบแทนหรือเงินเดือนเช่นกัน ต้องจัดสรรปันส่วนเช่นนี้ทุกเดือน เพื่อให้รู้ถึงต้นทุนทั้งหมดและกำไรที่ได้ ทำให้เป็นระบบตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำแบรนด์ จะทำให้เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้นในการดำเนินธุรกิจ
คอนเซ็ปต์และจุดเด่นของแบรนด์
เมื่อคิดจะสร้างแบรนด์ในครั้งแรกจะต้องทำการเลือกสินค้าที่เป็นตัวหลักและสร้างจุดเด่นของแบรนด์เสียก่อน เนื่องจากครีมกันแดดมีหลายประเภท ทั้งครีมกันแดดแบบ Sunblock , Sunscreen , Sun Tan ครีมกันแดดผสมรองพื้น ครีมกันแดดแบบปกปิดริ้วรอย ครีมกันแดดเพิ่มความชุ่มชื้น ครีมกันแดดแบบเซรั่ม ครีมกันแดดก่อนแต่งหน้า ครีมกันแดดน้ำแร่
รวมทั้งการคำนึงถึงค่า SPF (Sun Protection Factor) ช่วยป้องกันแสง UVB ที่จะทำให้ผิวไหม้ ปวดแสบปวดร้อนและก่อมะเร็งผิวหนัง ยิ่งมีค่าSPFมากก็ช่วยป้องกันได้มากขึ้น โดยในท้องตลาดจะมีตั้งแต่ SPF15 , SPF30 , SPF50 ไปจนถึงค่า SPF300 และนอกจากค่า SPF แล้ว ยังมีค่า PA (Protection Grade of UVA) ที่เป็นค่าแสดงถึงประสิทธิภาพการป้องกัน UVA ที่เรียกว่า PPD โดยค่า PA สูงเท่าไรก็ยิ่งช่วยป้องกัน ฝ้า กระ รอยเหี่ยวย่นให้กับผิวได้มากขึ้น ซึ่งจะมีระดับ PA+ , PA++ , PA+++ , PA++++
การที่สินค้าของแบรนด์มีจุดเด่นและคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนจะช่วยสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง เพิ่มความน่าสนใจให้แบรนด์ได้เป็นที่รู้จักเร็วขึ้น เช่น ทำแบรนด์ครีมกันแดดผสมรองพื้นเนื้อบีบี ครีมกันแดดเนื้อซีซี ที่ทั้งกันแดดและยังปรับสีผิวหน้าพร้อมทั้งเป็นรองพื้นในตัวเดียวกัน หรือจะเป็นครีมกันแดดเนื้อมูสผสมวิตามินอี เกลี่ยง่าย คุมมัน พร้อมมีวิตามินอีบำรุง ครีมกันแดดน้ำนม ครีมกันแดดเนื้อหิมะ ครีมกันแดดหน้าฉ่ำ ครีมกันแดดเนื้อใยไหม ครีมกันแดดไวท์เทนนิ่ง และรวมไปถึงการใช้นวัตกรรมใหม่ๆอย่างเช่น Lightening Effect DAB ในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ฯลฯ
หาโรงงานรับผลิตครีมกันแดดที่น่าเชื่อถือและมีประสบการณ์
เนื่องจากมีแบรนด์ใหม่ๆออกมาเสมอทำให้การแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง การเลือกโรงงานผลิตครีมกันแดดที่มีกระบวนการผลิตได้มาตรฐาน GMP ยิ่งถ้าโรงงานผลิตกันแดดแบบ Supplement and Cosmetics และ Consult and Research ยิ่งดี เพราะจะมีทีมงานในสายงานโดยตรงและครบแบบฟูลออฟชัน ทั้ง นักวิจัย เภสัชกร แพทย์ผิวหนัง นักดีไซน์ และนักวางแผนการตลาด ที่สามารถให้คำแนะนำและคอยซัพพอร์ตให้คุณได้สู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ข้อนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้แบรนด์ของคุณมีคุณภาพและเติบโตไปได้อย่างมั่นคง
ส่วนใหญ่โรงงานผลิตครีมกันแดดสร้างแบรนด์สามารถให้เลือกได้ว่าจะสั่งทําแบรนด์ครีมกันแดดอย่างเดียวไม่บรรจุ โดยลูกค้าอาจสั่งครีมกิโลแล้วนำไปบรรจุเอง หรือสั่งทําแบรนด์กันแดดโดยลูกค้าส่งบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้ามาให้โรงงานบรรจุเท่านั้น และอีกรูปแบบหนึ่งคือทําครีมกันแดดแบรนด์ตัวเองแบบ One Stop Service เพราะจะได้การผลิตแบบครบวงจรในที่เดียว ซึ่งผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ส่วนใหญ่จะเลือกการจ้างผลิตแบบนี้เป็นส่วนมาก และยังเหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นธุรกิจสร้างแบรนด์ครีมกันแดดเพราะจะมีมืออาชีพคอยแนะนำและดำเนินการให้ครบทุกขั้นตอน เหมือนมีพาร์ทเนอร์ให้คุณทำแบรนด์ได้อย่างมั่นใจ
เดี๋ยวนี้เพียงมีเงินทุนก็สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ไม่ยาก แต่การจะประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างมั่นคงนั้นก็ไม่ง่าย เพราะพื้นฐานการสร้างธุรกิจแบรนด์ที่ดีก็คือมีสินค้าที่ดี หากใช้บริการโรงงานรับผลิตครีมกันแดดที่ไม่ได้มาตรฐาน เลือกเพียงเพราะโรงงานทำครีมกันแดดเรียกค่าผลิตในราคาถูก แน่นอนว่าโรงงานก็ใช้วัตถุดิบเกรดต่ำหรือไม่มีคุณภาพตามเรทที่ลูกค้าจ่าย เมื่อสินค้าไม่มีคุณภาพ รีวิวลูกค้าไม่ดี แบรนด์ก็จบไปต่อไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการเลือกโรงงานรับผลิตกันแดดที่มีมาตรฐานนั้นสำคัญ
กลยุทธ์การตลาด
โรงงานผลิตครีมกันแดดOEM / ODM แบบ One Stop Service ที่มีมาตรฐานจะมีนักการตลาดมืออาชีพที่คอยช่วยให้คำปรึกษาและช่วยหาช่องทางการตลาดกระจายสินค้าให้กับลูกค้าทำแบรนด์ เพราะไม่เพียงแต่คุณภาพของสินค้าที่สำคัญ แต่การทำตลาดก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งจะกระโดดเข้าสู่วงการความงาม เพราะการแข่งขันสูง หากแบรนด์น้องใหม่โนเนมยังไม่เป็นที่รู้จัก ไม่มีช่องทางไม่มีแบ็คอัพ การที่จะเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคก็ยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำลงไป ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ สินค้าคุณดีมีคุณภาพแต่เป็นแบรนด์ใหม่โนเนมยังไม่มีคนรู้จัก กับสินค้าอีกแบรนด์ที่อาจไม่ได้มีคุณภาพเท่าของคุณเลย แต่มีช่องทางตลาดดี มีดาราเป็นพรีเซนเตอร์ ความเป็นไปได้ที่ผู้บริโภคจะให้ความสนใจก็จะมุ่งที่แบรนด์นั้นมากกว่าโดยที่ไม่ต้องคาดเดา
ดังนั้นหากทำการตลาดเปิดตัวแบรนด์ดีก็จะทำให้แบรนด์คุณเป็นที่รู้จักและติดตลาดได้ง่ายขึ้น และเมื่อผู้บริโภคชอบใจในคุณภาพสินค้าก็ย่อมมีการซื้อซ้ำและยังแนะนำให้กับคนรู้จัก หรือรีวิวสินค้าทางสื่อออนไลน์ให้ เป็นการเพิ่มลูกค้าโดยที่เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องจ่ายค่าการตลาดเพิ่ม เป็นการยืนยันได้ว่าการทำแบรนด์ครีมกันแดดให้เติบโตได้ต้องมีสินค้าคุณภาพดีควบคู่กับทำการตลาดที่ดี ก้าวแรกของทุกธุรกิจจึงจำเป็นมากที่จะต้องเริ่มกับพาร์ทเนอร์ที่ดี เพื่อสร้างฐานที่แข็งแรงในสเต็ปก้าวต่อไป
IU COSMED GROUP ยินดีบริการให้ผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์ครีมและนักธุรกิจทุกท่าน ตั้งแต่ต้นจนจบในที่เดียว เรามีสูตรครีมกันแดดให้เลือกมากมาย และมีการวิจัยปรับสูตรเพื่อผลิตครีมกันแดดตามสูตรที่ลูกค้าต้องการ มีเกรดวัตถุดิบให้ลูกค้าเลือกตั้งแต่เกรดมาตรฐานไปจนถึงเกรดพรีเมียม เรามีเภสัชกรและนักวิจัยที่จะวิเคราะห์และคำนวนค่า SPF/ PA ให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดครีมกันแดด หรือตามที่เจ้าของแบรนด์กำหนด อีกทั้งคอยดูแลและพัฒนาสูตรเพื่อรองรับการเติบโตของแบรนด์ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน มีฝ่ายดีไซน์ออกแบบโลโก้และแพ็กเกจที่จะทำให้สินค้าดูโดดเด่น และฝ่ายการตลาดมืออาชีพที่คอยให้คำแนะนำในกลยุทธ์พร้อมช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำแบนเนอร์โฆษณา สามารถจำหน่ายได้ทั้งในประเทศและส่งออกตลาดต่างประเทศได้ เพราะผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และเจ้าของแบรนด์สามารถเข้าเยี่ยมชมโรงงานได้ทุกขั้นตอนในการผลิตครีม เพื่อสร้างความมั่นใจในความสะอาดและคุณภาพที่เป็นมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม